วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

การตั้งศาลพระภูมิ

การตั้งศาลพระภูมิ
สิ่งที่ต้องคำนึงในการตั้งศาลพระภูมิ คือ สถานที่ตั้ง,ทิศทาง,วันและฤกษ์ตั้ง,ความสูงของศาลพระภูมิและผู้ประกอบ พิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ

สถานที่ที่ตั้งศาล มีหลักการพิจารณาดังนี้

1. ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณพื้นดิน มิใช่บริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน

2. หากไม่มีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ มิใช่พระภูมิเจ้าที่

3. จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านทอดลงมาทับ

4. ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ

5. อย่าตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากนัก

6. อย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ

7. ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน

8. ตั้งศาลให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร

9. ถ้าสามารถยกพื้นที่ตั้งศาลให้สูงขึ้นสัก 1 คืบ จากพื้นดินได้ ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง

10. ความสูงของศาล ควรสูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย


ทิศทาง การหันหน้าศาลพระภูมิสู่ทิศมงคล

1. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน เป็นทิศที่ดีที่สุดหากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

2. ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา เป็นทิศที่ดีอันดับ 2 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 100 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้

3. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเณย์ เป็นทิศที่ดีอันดับ 3 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 50 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้


ทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้
เมื่อหาทิศทางตั้งศาลได้แล้วจะต้องพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้ามใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้าย ต่างๆ น้ำมนต์ที่ว่านี้เรียกว่า " น้ำมนต์ธรณีสาร " น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ทำได้โดยนำน้ำธรรมดาไปให้พระท่านสวดพระพุทธมนต์ทำเหมือนน้ำมนต์ทั่วไปแต่ ต่างกัน ตรงที่ให้ท่านนำใบไม้ต้นธรณีสารมาใส่ลงในน้ำที่จะทำน้ำมนต์

วันและฤกษ์ตั้งศาล
มีความสำคัญมาก ควรเลือกวันที่ดีและมีความเป็นสิริมงคลเพื่อให้ประสิทธิ์ผลในทางมงคล แก่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนนั้นสืบต่อไป วันต่อไปนี้ถือเป็นวันที่เป็นมงคลฤกษ์

วันข้างขึ้น

วันข้างแรม

๒ ค่ำ

๒ ค่ำ

๔ ค่ำ

๔ ค่ำ

๖ ค่ำ

๖ ค่ำ

๙ ค่ำ

๙ ค่ำ

๑๑ ค่ำ

๑๑ ค่ำ


แต่ถ้าวันข้างขึ้น หรือข้างแรมดังกล่าวไปตรงกับวันต้องห้าม ของเดือนใด ให้เลี่ยงไปใช้วันอื่นเสีย

เวลาฤกษ์อันเป็นมงคล

วัน

เวลา

วันอาทิตย์

เวลา ๖.๐๙ น. - ๘.๑๙ น.

วันจันทร์

เวลา ๘.๒๙ น. - ๑๐.๓๙ น.

วันอังคาร

เวลา ๖.๓๙ น. - ๘.๐๙ น.

วันพุธ

เวลา ๘.๓๙ น. - ๑๐.๑๙ น.

วันพฤหัสบดี

เวลา ๑๐.๔๙ น. - ๑๑.๓๙ น.

วันศุกร์

เวลา ๖.๑๙ น. - ๘.๐๙ น.

วันเสาร์

เวลา ๘.๔๙ น. - ๑๐.๔๙ น.



วันต้องห้าม

เดือน

วันต้องห้ามคือ

เดือนอ้าย ธันวาคม)

วันพฤหัสบดี และวันเสาร์

เดือนยี่ (มกราคม)

วันพุธ และวันศุกร์

เดือน ๓ (กุมภาพันธ )

วันอังคาร

เดือน ๔ (มีนาคม)

วันจันทร์

เดือน ๕ (เมษายน)

วันพฤหัสบดี และวันเสาร์

เดือน ๖ (พฤษภาคม)

วันพุธ และวันศุกร์

เดือน ๗ (มิถุนายน)

วันอังคาร

เดือน ๘ (กรกฎาคม)

วันจันทร์

เดือน ๙ (สิงหาคม)

วันพฤหัสบดี และวันเสาร์

เดือน ๑๐ (กันยาย )

วันพุธ และวันศุกร์

เดือน ๑๑ (ตุลาคม)

วันอังคาร

เดือน ๑๒ (พฤศจิกายน)

วันจันทร์



จะสังเกตได้ว่า จะไม่ปรากฏว่ามี วันอาทิตย์ เป็น ข้อห้ามเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ยึดเอาวันอาทิตย์ เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งศาล เพราะคนโบราณถือกันว่า วันอาทิตย์นั้นแม้จะจะเป็นวันที่มีกำลังแรงดี แต่เป็นวันแรงและวันร้อน ไม่เหมาะที่จะทำการตั้งศาล เพราะบ้านอาจจะ ร้อน จรปราศจากความร่มเย็นเป็นสุข แต่ ถ้าหากผู้กระทำพิธีมีเคล็ดมีมนตร์แก้ความร้อนของวันได้ ก็สามารถคิดทำการตั้งศาลในวันนี้ได้ตามความสะดวก

ความสูงของศาล
ขึ้นอยู่กับ ตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐานหรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี ) ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่ การใช้ศาลพระภูมิร่วมกัน กรณีที่เป็นหมู่บ้าน,ชุมชนหรือตึกแถว ให้ยึดเอาความสูงจาก เจ้าของผู้สร้างเริ่มแรก หรือหัวหน้าชุมชนนั้นๆ โดยให้เป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้นเพื่อบอกกล่าวและสักการะ ขอให้ท่านดูแลปกปักษ์รักษาให้คุณ ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน

การปักเสาตั้งศาล
ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี ( ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น ) โดยต้องเตรียมของดังนี้ พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท

รายการของมงคลใส่หลุม (ปัจจุบันที่นิยมใช้)

รายการมงคล

จำนวน

1

เหรียญเงิน

9 เหรียญ

2

เหรียญทอง (เหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ก็ได้)

9 เหรียญ

3

ใบเงิน

9 ใบ

4

ใบทอง

9 ใบ

5

ใบนาค

9 ใบ

6

ใบรัก

9 ใบ

7

ใบมะยม

9 ใบ

8

ใบนางกวัก

9 ใบ

9

ใบนางคุ้ม

9 ใบ

10

ใบกาหลง

9 ใบ

11

ดอกบานไม่รู้โรย

9 ดอก

12

ดอกพุทธรักษา

9 ดอก

13

ไม้มงคล

9 ชนิด

14

แผ่น เงิน,ทอง,นาค

1 ชุด

15

พลอยนพเก้า

1 ชุด


การกลบหลุมนั้นให้ใช้มือกด ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด

ผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )

ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ
จะเหว็ดศาลพระภูมิ จะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และการปลุกเสกจะเหว็ดให้เป็นองค์พระภูมิมีดังนี้ บรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ,บรรจุพระธรรมคุณ,บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณและวิญญาณธาตุเข้าไปในจะเหว็ดจากที่เรียกว่า จะเหว็ดเมื่อปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า "พระภูมิ" บริวารของพระภูมิจะมี

1. ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่

2. ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่

3. ละครยก 2 โรง


เครื่องประดับตกแต่ง จะประกอบด้วย

เครื่องประดับตกแต่ง

จำนวน

1

แจกัน

1 คู่

2

เชิงเทียน

1 คู่

3

กระถางธูป

1 ใบ

4

ผ้าผูกจะเหว็ด

1 ผืน

5

ผ้าพันศาล (ผ้าแพร 3 สี คือ สีเขียว,สีเหลืองและสีแดง)

1 ชุด

6

ฉัตรเงิน-ทอง

2 คู่

7

ด้ายสายสิญจน์

1 ม้วน

8

ผ้าขาว

1 ผืน

9

ทองคำเปลว

-

10

แป้งเจิม

1 ถ้วย

11

ดอกบัว

9 ดอก

12

ดอกไม้ ี(มาลัย 7 สี )

7



เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล

จะประกอบด้วยอาหารคาวหวานดังนี้

เครื่องประดับตกแต่ง

จำนวน

1

หัวหมู

1 หัว

2

ขนมต้มขาว

2 จาน

3

ไก่ต้ม

1 ตัว

4

ขนมถั่วงา

2 จาน

5

เป็ด

1 ตัว

6

ขนมถ้วยฟู

2 จาน

7

ปลานึ่ง

1 ตัว

8

ขนมหูช้าง

2 จาน

9

ปู หรือ กุ้ง

1 จาน

10

เผือก-มันต้ม

2 จาน

11

บายศรีปากชามยอดไข่

1 คู่

12

ฟักทอง

2 ผล

13

น้ำจิ้ม

2 ถ้วย

14

แตงไทย

2 ผล

15

ข้าวสวย

2 ถ้วย

16

ขนุน

2 จาน

17

เหล้า

1 ขวด

18

สับปะรด

2 ผล

19

น้ำชา

2 ถ้วย

20

กล้วย

2 หวี

21

น้ำสะอาด

2 แก้ว

22

ผลไม้ 5 ชนิด

2 จาน

23

มะพร้าวอ่อน

1 คู่

24

พานหมาก พลู บุหรี่

1 คู่

25

ขนมต้มแดง

2 จาน


**ถ้าขนาดบ้านและศาลพระภูมิเล็ก ก็สามารถใช้สับปะรดเพียง 1 ผลได้แต่จัดแบ่งเป็น 2 จาน *

เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล ( มังสวิรัติ )

เครื่องประดับตกแต่ง

จำนวน

1

มะพร้าวอ่อน

1 คู่

2

ขนมถ้วยฟู

2 จาน

3

พานหมาก พลู บุหรี่

1 คู่

4

ถั่วคั่ว

2 จาน

5

ฟักทอง

2 ผล

6

น้ำสะอาด

2 แก้ว

7

งาคั่ว

2 จาน

8

แตงไทย

2 ผล

9

ข้าวสวย

2 ถ้วย

10

เผือก-มันต้ม

2 จาน

11

ขนุน

2 จาน

12

น้ำชา

2 ถ้วย

13

ขนมต้มแดง

2 จาน

14

สับปะรด

2 ผล

15

นม

2 ถ้วย

16

ขนมต้มขาว

2 จาน

17

สับปะรด

2 ผล

18

เนย

2 ถ้วย

19

ขนมถั่วงา

2 จาน

20

ผลไม้ 5 ชนิด

2 จาน



ผลไม้ที่ห้ามนำถวาย

มังคุด

มะเฟือง

น้อยหน่า

ลูกจาก

มะตูม

ละมุด

มะไฟ

กระท้อน

ลูกพลับ

พุทรา

ระกำ

น้อยโหน่ง

ลูกท้อ

มะขวิด

ลางสาด



คนไทยโบราณมีความเชื่อว่าผลไม้ทั้ง 15 ชนิดนี้เป็นอัปมงคล ไม่ควรนำมาถวายเป็นเครื่องสังเวยหน้าศาลพระภูมิเป็นอันขาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น